บิลเบอร์รี่ สุดยอดของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีประโยชน์บำรุงรักษาดวงตา

บำรุงสายตาด้วย บิลเบอร์รี่

บิลเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีคุณค่าและดีต่อสายตา

      บิลเบอร์รี่ ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและอเมริกา และได้รับการยอมรับว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตาและการมองเห็นด้วยบิลเบอร์รี่มีสารอาหารสำคัญครบถ้วน คือ 

       บิลเบอร์รี่ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก เป็นพืชที่พบมากในประเทศแถบยุโรป แคนนาดา และสหรัฐอเมริกา นิยมนำผลบิลเบอร์รีสุกมาทำเป็นแยมมานานกว่า 100 ปี ในส่วนของใบและก้านนำไปทำแห้งเพื่อทำเป็นผงชาสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลาย บิลเบอร์รี เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ตระกูลเดียวกับเบอร์รีทั้งหลาย เช่น แบล็กเบอร์รี บลูเบอร์รี นิยมรับประทานในแถบยุโรปและอเมริกา เชื่อว่าบิลเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสุขภาพ สามารถนำมารักษาอาการเจ็บป่วยได้ เริ่มแรกเดิมทีบิลเบอร์รีนำมารักษาอาการโรคท้องเสีย โดยนำมาผสมกับน้ำผึ้ง ต่อมาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บิลเบอร์รีได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อนักบินรบชาวอังกฤษรับประทานแยมบิลเบอร์รีบนขนมปัง ทำให้สายตาในการมองเห็นที่มืดดีขึ้น หลังจากนั้นแยมบิลเบอร์รีก็ได้รับความนิยมเรื่อยมา

มีเรื่องเล่าว่า....

        สมัยก่อนชาวตะวันตกจะไม่นิยมนำผลสุกมารับประทาน แต่จะใช้ประโยชน์โดยการแปรรูปก่อน แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับได้รับความนิยมในการรับประทานผลสด สืบเนื่องมาจากเมื่อตอนเกิดสงครามนักบินรบชาวอังกฤษจะรับประทานผลบิลเบอร์รี่สดทุกครั้งก่อนขึ้นบิน เพราะเชื่อว่าจะทำให้มองเห็นได้ดีขึ้นโดยเฉพาะตอนกลางคืน

บิลเบอร์รี่

4 สารอาหารสำคัญในบิลเบอร์รี่ ที่นักวิจัยระบุขัดว่า ดีต่อสุขภาพ

         สารอาหารในบิลเบอร์รี่ ในบิลเบอร์รีมีสารอาหารสำคัญอาทิ ไอโอฟลาโวนอยด์ วิตามินเอ วิตามินซี สังกะสี ซีลีเนียม แมงกานิส แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส ซึ่งสารอาหารและแร่ธาตุที่สำคัญเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่บิลเบอร์รีมีความเลื่องลือมากที่สุดเห็นจะเป็นสรรพคุณทางด้านบำรุงสายตาบิลเบอร์รี มีสรรพคุณช่วยถนอมสายตา ทำให้แววตาสุกใส มีแววประกาย และช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับตา
นักวิจัย ไมเคิล ที เมอร์เรย์ (Michael T. Murray) กล่าวว่าสาร Anthocyanosides ในบิลเบอร์รี มีผลต่อเซลล์เยื่อบุผิวเรตินาในการมองเห็น และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาในบิลเบอร์รีมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก และป้องกันจอประสาทตาเสื่อมบิลเบอร์รีมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแรงของคอลลาเจนในเส้นเลือดฝอยที่ตาและเชื่อมต่อเนื้อเยื่อดีขึ้นมีส่วนช่วยรักษาอาการตาบอดในตอนกลางคืน ช่วยให้มองเห็นในที่สลัว ควบคุมการทำงานของเรตินาจอรับแสงป้องกันโรคตาบอดแสง และการมองไม่เห็นในตอนกลางวัน

สามารถจับกับเซลล์บุผิว ( Pigmented Epithelium ) ที่จอภาพเรตินาได้ดี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดีเลิศ ลดความเสื่อมของเซลล์ เสริมสร้างหลอดเลือดและผนังหลอดเลือดฝอย เพิ่มสีจอประสาทตาจึงช่วยให้ตาทนต่อแสงได้ดี และคืนสภาพสารโรดอพซิน ( Rhodopsin ) ได้หลังจากถูกแสง จึงช่วยทำให้การมองเห็นในที่มืดได้ดี ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในใจตา ไม่ให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับจอตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ สายตายาว สายตาสั้น

มีฤทธิ์ในการสมานแผล มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เช่น พวกแบคทีเรียบางชนิด

เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนหลายชนิดที่สำคัญต่อมนุษย์

เป็นสารที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของอินซูลิน ควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

      นอกจากนี้ สารสกัดจากผลบิลเบอร์รี่ มีผลในการปกป้องโครงสร้างของผนังเส้นเลือดฝอย เพิ่มแรงต้านและเพิ่มการขยายตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงและยืดหยุ่นดีขึ้น ไม่เปราะหรือฉีกขาดง่าย จึงมีผลดีต่อเนื้อเยื่อที่มีเส้นเลือดฝอยหล่อเลี้ยงจำนวนมาก เช่น จอประสา่ทตา ระบบหลอดเลือดดำและไต เป็นต้น จึงสามารถป้องกันจอประสาทตาเสื่อม และสามารถลดอาการปวดเจ็บจากภาวะเส้นเลือดขอดได้

     บิลเบอร์รี่ จึงเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาเป็นผลิตภัณพ์เสริมอาหารหรือวิตามินที่ใช้ในการบำรุงสายตา แก้ปัญหาของสายตาที่เกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาการเมื่อยล้าจาการขับขี่รถยนต์ ใช้สายตาเป็นเวลานาน การอ่านหนังสือ หรือเล่นมือถือสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะในยุดดิจิตอลอย่างปัจจุบัน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับตามากมาย

บิลเบอร์รี่

สารอาหารสำคัญครบถ้วน

ผลไม้ที่มีประโยชน์ในเรื่องการบำรุงรักษาดวงตาและการมองเห็นด้วยบิลเบอร์รี่มีสารอาหารสำคัญครบถ้วน คือ 

  • วิตามินเอ
  • วิตามินซี
  • โซเดียม
  • ฟอสฟอรัส
  • สังกะสี
  • แตลเซียม
  • ซีลีเนียม
  • แมงกานีส
  • ไบโอฟลาโวนอยด์

คุณประโยชน์ของบิลเบอร์รี่

สารสกัดบิลเบอร์รี่เป็นราชาแห่งการบำรุงดวงตา ซึ่งสารอาหารในบิลเบอร์รี่จะช่วยถนอมสายตาทำให้ดวงตาแข็งแรง แววตามีความสุกใส มีความเป็นประกาย และทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ

โดยเฉพาะเวลากลางคืน สารสกัดจากบิลเบอร์รี่สามารถช่วยในเรื่องการมองเห็นทำให้สายตาดีขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพิ่มสีจอประสาททำให้สายตาสามารถทนต่อแสงได้ดีมากขึ้น

จากการใช้งานหนัก สำหรับใครที่ต้องทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตาเพ่งมองเป็นเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้ดวงตาเกิดอาการเมื่อยล้าได้

ช่วยระบบการมองเห็นไม่ให้เสื่อมก่อนวัย

ในสารสกัดจากบิลเบอร์รี่เราจะพบสารที่เรียกว่า Anthocyanosides ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ที่จะช่วยป้องกันสารพิษที่จะเข้าสู่ร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ชรา และที่สำคัญคือช่วยป้องกันสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้

เรตินามีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น

ในส่วน Cornea และหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น

ทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ตาเสื่อมในคนสูงอายุ(สายตายาว)

ใครบ้างที่ควรรับประทานสารอาหารเพื่อบำรุงสุขภาพดวงตา

  • ผู้มีปัญหาการมองเห็นในที่มืด หรือที่มีแสงน้อย แสงสลัว
  • ผู้ที่ต้องใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์
  • ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อความเสื่อมของดวงตา เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องอยู่กลางแสงแดดโดยไม่สวมแว่นกันแดด
  • ผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงไฟสว่างจ้าหรือแสงแฟลช ผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเสื่อมเกี่ยวกับดวงตา
การดูแลสุขภาพดวงตา

10 วิธี การดูแลสุขภาพดวงตาให้สดใส

          ใครๆก็ว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เพราะฉะนั้น เราควรดูแลและทะนุถนอมดวงตาของเราให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุค สังคมก้มหน้า ปัจจุบันนี้ ที่คนส่วนใหญ่เกิดภาวะเสี่ยงกับโรคตาเสื่อมกัุนมากขึ้น เพราะเจ้าเทคโนโลยีล้ำยุคดิจิตัล ที่ทุกคนติดแชทกันตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งทำให้เราต้องรู้จักดูแลดวงตากันเป็นพิเศษ ก่อนที่โรคตาเสื่อมจะถามหา

  1.  ทานอาหารที่มีประโยชนให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะพวกพืชผักผลไม้ ที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักบุ้ง แครอท ตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอ หรือ การรับประทานที่มี โอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ สารสกัดเซซามินจากงาดำ
  2. สวมแว่นกันแดดทุกครั้ง ที่ต้องเจอแสงแดด เพื่อป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต ที่มีผลต่อจอประสาทตา
  3. ควรพักสายตาทุกๆ 1 ชั่วโมง เมื่อใช้สายตามากๆ ในการนั่งทำงานหน้าจอมคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนต่างๆ เพราะการจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ นอกจากเราจะกระพริบตาน้อยลงโดยไม่รู้ตัว ทำให้กล้ามเนื้อตาล้า และตาแห้งแล้ว เรายังต้องผจญภัยกับ แสงสีฟ้า ที่เป็นตัวการในการทำลายจอประสาทตาเราอย่างร้ายแรงที่สุด
  4. การดูโทรทัศน์ ควรปรับความสว่างของจอให้พอควรและนั่งห่างประมาณ 5 เท่าของขนาดจอ สำคัญที่สุด ห้ามปิดไฟนั่งดูโทรทัศน์ เพราะจำทำให้เราใช้สายตาในากรเพ่งมองมากขึ้น
  5. ห้ามใช้มือขยี้ตา เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา ควรใช้น้ำสะอาดล้างตาเท่านั้น หรือในกรณีที่ใช้คอนแท็คเลนส์ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  6. ควรบริหารดวงตาทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ง่ายๆ คือ หน้าตั้ง คอตรง กรอกลูกตาหมุนเป็นวงกลม ตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกาต่อเนื่องกันไป 10 ครั้ง
  7. ควรตรวจสุขภาพตาจากจักษุแพทย์ปีละครั้ง เพื่อตรวจเช็คว่าเรามีภาวะเสี่ยงโรคตาเสื่อมหรือไม่
  8. ควรงดสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อหัวใจเส้นเลือด และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งแล้ว บุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรควุ้นในตาเสื่อม ต้อกระจก และการทำลายเส้นประสาทอักด้วย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดตาบอดได้
  9. สวมแว่นตาทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในที่ทำงานหรือกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเล่นกีฬาบางประเภทการทำงานเฟอร์นิเจอร์ ช่างเชื่อมโลหะ 
  10. การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน คนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปมีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ นำไปสู่ความผิดปกติของดวงตาได้ เช่น โรคตาจากเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง เป็นต้น