ออกกำลังกายลดน้ำหนัก แบบไหนดีที่สุด

    ออกกำลังกายลดน้ำหนัก อย่างถูกต้อง เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆด้าน แต่ถ้าต้องออกกำลังกาย เพื่อการลดน้ำหนัก จะต้องมีการออกกำลังกายนานแค่ไหน และ ต้องออกกำลังกายหนักแค่ไหน เรามาดูกันว่า จะเลือกออกกำลังกายแบบไหน ลดน้ำหนักได้ดีที่สุด

     การทำงานของร่างกายเรา ในตอนที่เราเริ่มออกกำลังกาย ร่างกายจะดึงกลูโคส ในกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงานก่อน หลังจากนั้นเมื่อระดับน้ำตาลเริ่มลดดลง ร่างกายจะเริ่มสลายไกลโคเจนที่สะสมในกล้ามเนื้อและตับ เพื่อให้ได้น้ำตาลออกมา ในช่วงนี้ร่างกายยังไม่ใช้ไขมันที่สะสมในร่างกายเรา  เมื่อเราออกกำลังกายต่อเนื่องมากพอ ประมาณ 30 นาที ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่ขบวนการใช้ออกซิเจนและเริ่มดึงไขมันที่สะสมในร่างกายมาใช้เป็นพลังงาน โดยจะค่อยๆใช้ไขมันเป็นพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ออกกำลังกาย และหากต้องการให้ได้ประโยชน์ต่อหัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนโลหิต และสุขภาพโดยรวม เราจะต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นในอัตราประมาณ 60-80% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจของคนในวัยนั้นจะเต้นได้ (การคำนวณ เอา 220 ลบด้วย อายุ แล้วนำมาคูนด้วย 60-80% จะได้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจที่แนะนำ เช่น อายุ 40  คือ 220-40 = 180 นำมาคูณ 60% – 80%  = 108-144) 

          อายุ 20  อัตราการเต้นของหัวใจที่แนะนำ   120 – 160

          อายุ 30                 ”                 114 – 152

          อายุ 40                 ”                 108 – 144

          อายุ 50                 ”                 102 – 136

          อายุ 60                 ”                  96 – 128

          อายุ 70                 ”                  90 – 120

          ออกกำลังกายลดน้ำหนัก แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ

  • การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ซึ่งหมายถึงการออกกำลังกายที่ใช้แรงไม่มากนัก แต่ใช้แรงสม่ำเสมอต่อเนื่อง เช่น เต้นแอโรบิค วิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยในเรื่องของสุขภาพ แต่ไม่ได้ช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกายมากนัก
  • การออกกำลังกายแบบแอนแอโรบิค เป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรง และกล้ามเนื้อการออกกำลังกายแบบแอนาโรบิคในการกออกกำลังกายมากเป็นช่วงๆ เช่น การยกน้ำหนัก การเล่นกล้าม ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้ ร่างกายจะเผาผลาญมากขึ้นทั้งในวันที่เราออกกำลังกายและวันที่ไม่ได้ออกกำลังกาย (เพราะมีกล้ามเนื้อมากขึ้น) และการออกกำลังกายแบบนี้ช่วยให้มีกระดูกที่มีสุขภาพที่ดีด้วย แต่จะช่วยในเรื่องของสุขภาพน้อยกว่าแบบแอโรบิค

ในการออกกำลังกายทั้ง 2 แบบต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน แนะนำว่าเราควรออกกำลังกายทั้ง 2 แบบ ควบคู่กันไป โดยอาจจะสลับวัน หรือออกกำลังกายทั้งสองแบบในวันเดียวกันก็ได้ เช่นวิ่งแล้วมายกน้ำหนัก

     สรุปแล้ว การออกกำลังกายที่ทำให้สุขภาพดี และช่วยลดน้ำหนักได้นั้น เราจะต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นประมาณ 60 – 80 % ของความสามารถสูงสุดของหัวใจ เป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน 30 นาทีเป็นอย่างน้อย และออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ แต่ไม่ควรเกิน 6 วันต่อสัปดาห์เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไปและให้ร่างกายได้พักได้